ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence)
ทำความรู้จัก "หุ่นยนต์" และ AI อย่างง่ายๆ กับ ศ.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
หลายคนอาจได้ยินคำว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ( AI) หรือรู้จักมาแล้ว โดย ศ.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) อธิบายความหมายของหุ่นยนต์และ AI ให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ดังนี้
1.เครื่องจักรอัตโนมัติ ซึ่งคือ หุ่นยนต์โดยทั่วไป ที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรม เป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานซ้ำๆ โดยไม่มีการพัฒนาหรือมีความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น หรืออาจจะมีการเรียนรู้เพียงเล็กน้อย ซึ่งในไทยจะมีผลกระทบค่อนข้างมากเนื่องจากไทยขาดแคลนแรงงานเนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และหุ่นยนต์เหล่านี้จะเข้ามาทดแทนแรงงานที่ขาดหายไป
2.ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะนี้เป็นที่สนใจของโลกมากเพราะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ 4 บริษัท คือ Facebook Amazon Netflix Google (FANG) ซึ่งมีการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายโดยรุกเข้าไปในหลายแต่ธุรกิจ ซึ่งขณะนี้เป็นการทำงานเฉพาะเรื่องได้เช่น ขับรถ เล่นหมากรุกได้ เล่นหมากล้อมได้ ซึ่งเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในการทำงานในยุคอุตสาหกรรม 4.0
3.ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่เห็นได้จากในภาพยนต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักได้แก่ her รักดังฟังชัด (2013 ) และภาพยนต์แฟรนไชส์ดัง อย่าง The Terminator คนเหล็ก 2029 (1984) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเกิดขึ้นจริง ยังคงเป็นนิยายและภาพยนต์เป็นเท่านั้น
หากจำแนกตามระบบสั่งการ 3 ประเภท คือ
1.ระบบสั่งการ By Hand ทำหน้าที่แทนมือ มักพบในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น แขนกล ทำหน้าที่ประกอบ ตัวถังรถยนต์ เสริ์ฟน้ำ หุ่นยนต์ที่ทำงานในประเทศไทย คือระบบออโต้เมชั่น โดยการนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาแทนในสังคมไทย และกำลังจะส่งผลกระทบในอุตสาหกรรม ในช่วง 1-2 ปีนี้จะเห็นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การปรับนโยบายด้านแรงงานข้ามชาติ
2.ระบบสั่งการ By Head ทำหน้าที่แทนสมองระบบคิด-คิดเป็น เริ่มมีการนำมาใช้ในระบบในธนาคารใหญ่เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยนำเข้ามาเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เช่นการส่งข้อมูลสินค้าให้ลูกค้า และเก็บข้อมูลผลตอบรับ ปรับเปลี่ยนการส่งแบบสอบถามตามพฤติกรรมลูกค้า พบการตอบสนองจากลูกค้าจากร้อยละ 1-2 เป็นร้อยละ 10 -20
นอกจากนี้ในต่างประเทศ นำมาใช้กับธุรกิจขนส่งรถบรรทุกในต่างประเทศต่อไปอาจจะไม่มีคนขับ การนำมาช่วยในวงการแพทย์เช่น เครื่องช่วยอ่านฟิล์มเอ็กซเรย์ ที่เดิมแพทย์จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการอ่านฟิล์มนานมาก 10-15 นาที แต่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยอ่านฟิล์ม ก็จะวินิจฉัยได้ทันทีภายใน 1 วินาทีว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ เรื่องนี้ไม่เพียงกระทบคนใช้แรงงานเท่านั้น แต่เริ่มเข้ามาในวงการผู้ใช้สมองมากขึ้น รวมถึงงานของนักกฎหมาย นักบัญชี นักการตลาด เป็นต้น
3.ระบบสั่งการ By Heart ทำงานด้วยการประมวลความคิด ยังไม่เกิดขึ้นจริง มักพบเห็นในภาพยนต์ ซึ่งจะมีหุ่นที่สามารถคิดเองได้ โดยขณะนี้พบในภาพยนต์ แต่อาจมีความเป็นไปได้ที่หุ่นยนต์จะสั่งการจากการประมวลผลจากอารมณ์ความรู้สึก โดยขณะนี้มีลักษณะที่คล้ายคือ Chatbot ที่คล้ายกับมีอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าหุ่นยนต์ จะพัฒนาไปจนถึงมีอารมณ์ความรู้สึกหรือไม่
โลกเสมือนจริง (AR : Augmented Reality Technology)
AR คืออะไร?
AR ย่อมาจาก Augmented Reality ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำเอาภาพเสมือน 3 มิติจำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและมีการประมวลผลโดยการทำให้วัตถุ 3 มิติ (ภาพเสมือน) ทับซ้อนเข้ากันกับภาพจริงเป็นภาพๆเดียว โดยเราสามารถมองผ่านกล้องได้โดยตรงเลย
ซึ่งเมื่อเราได้ยินคำว่า AR ก็มักจะได้ยินร่วมกับคำว่า VR ซึ่งย่อมาจาก Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันที่ VR คือการจำลองโลกเสมือนขึ้นมาและเข้าถึงได้จากอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น แว่น Oculus Rift, Play Station VR เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี AR นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2010 และถ้านึกถึงเทคโนโลยี AR ส่วนใหญ่ที่ผู้คนนึกถึงก็จะเป็นในด้าน Game และ Entertainment กันเป็นหลัก เนื่องจากในช่วง 2–3 ปีมานี้ แอพพลิเคชันที่เป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AR ได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ Pokemon Go นั่นเอง
ชนิดของ Augmented Reality
AR สามารถแบ่งแยกชนิดหลักๆ ได้ 2 ชนิดหลักๆ คือ
Marker-Based : ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบเครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ เป็นใบปลิว โบรชัวร์ต่างๆ ผู้ใช้ทำการ scan ด้วยกล้องจากตัว smartphone เพื่อแสดงภาพ 3 มิติ
Location-Based : ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใช้ smartphone scan จากภาพ เพียงแค่ใช้ GPS ของเครื่องนั้นๆ ก็สามารถแสดงภาพ 3 มิติได้
การทำงานหลักๆของ AR (ขึ้นอยู่กับ Engine และ Toolkit ของแต่ละผู้ผลิต) ซึ่งส่วนหลักๆจะคล้ายๆกัน เช่น
Tracking : ติดตาม วัดแรงเฉื่อย วัดตำแหน่ง องศาของโทรศัพท์ ทำให้รู้ว่าอยู่ในทิศทางใด
Rendering : การแสดงผลพวกภาพ Model 3 มิติ ร่วมกับภาพจริงๆ ให้เป็นเหมือนภาพเดียวกัน
Scene : มีการเข้าใจรายละเอียดของฉากในภาพ เช่น ถ้าห้องมืด ภาพก็จะสว่างๆ
Blockchain คืออะไร ???
Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่มีคนพูดถึงมากว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนโลกเหมือนที่อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนโลกในยุค 1990 ซึ่งมีการเปรียบเทียบว่า Blockchain ตอนนี้สภาพเหมือนอินเทอร์เน็ตตอนเริ่มต้น ซึ่งภาคการเงินจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ ต้องมีคนศึกษาเรื่องนี้ เพื่อเป็นการลองทำดูว่า เอา Blockchain มาใช้กับเรื่องต่างๆ ได้อย่างไร แม้ว่าวันนี้อาจจะยังไม่มีการประยุกต์ใช้ในลักษณะที่เห็นเป็นรูปธรรมก็ตาม

ภาพจาก fsroundtable.org
แล้ว Blockchain คืออะไร … ?
Blockchain คือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุม ที่เก็บสถิติการทำธุรกรรมทางการเงิน และสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ อีกในอนาคต โดยไม่มีตัวกลาง คือสถาบันการเงิน หรือสำนักชำระบัญชี ระบบ Blockchain จะไม่มีตัวกลางอย่างที่เคยเป็นมา ยกตัวอย่างการทำธุรกรรมด้วย Bitcoin จะมีรหัส Token สร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับ Blockchain และทำการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้นๆ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ก่อนที่จะทำธุรกรรมให้สำเร็จต่อไป
เท่ากับว่า Blockchain เป็นระบบโครงข่ายในการทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งตัดตัวกลางอย่างสถาบันการเงินที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันออกไป ซึ่งทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมถูกลง และอาจจะส่งผลให้สถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง รวมไปถึงสำนักชำระบัญชีต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีอีกในอนาคตได้เลย หากเทคโนโลยีนี้เข้ามาแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์
ขณะที่ Blockchain ไม่เพียงมีบทบาทอยู่แค่การทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น หากแต่ยังอาจถูกนำไปใช้ในงานอื่นๆ เช่น การเก็บสถิติการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใสมากขึ้น การให้ยืม Cloud Storage ระหว่างกัน, บริการ co location, ระบบ Peer to Peer Lending และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแม้แต่เหล่าธนาคารเองก็ตัดสินใจเข้าลงทุนในการทำ Blockchain มากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด เหล่าสถาบันการเงินอย่างธนาคาร Citibank ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ รวมไปถึงบริษัท VISA ก็ได้เข้าลงทุนในบริษัทบล็อกเชนชั้นนำอย่าง Chain.com เพื่อแนวทางรักษาตลาดเทคโนโลยีนี้เช่นกัน
แนวคิด Blockchain เริ่มกลับมาเป็นกระแสที่ต้องจับตามมองอีกครั้ง พร้อมมีการพัฒนาใหม่ๆ ไปสู่การใช้งานที่มากกว่าการทำธุรกรรม Bitcoin ในอดีตที่ไม่ได้รับการยอมรับมากนัก ผนวกรวมกับกระแสการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ที่ใช้แนวคิด อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things) จำเป็นต้องมีการจัดการ ดูแลอย่างการรักษาความปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และความจำเป็นที่จะต้องบันทึกฐานข้อมูลของการติดต่อต่างๆ เหล่านั้น ทำให้เทคโนโลยีอย่าง Blockchain ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนบุคคลจะกลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญของการใช้งานดังกล่าว โดยลดขั้นตอนระบบการทำงานให้เรียบง่ายขึ้น มีการยืดหยุ่นที่สูงขึ้น รวมทั้งการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
แต่กระนั้นความสำเร็จของ Blockchain จะสามารถพลิกสถานะการให้บริการด้านการเงินโลกดิจิทัลได้หรือไม่ การหาพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์ในการทำงานกับระบบความซับซ้อน และความหลากหลาย ในทุกระดับการใช้งานไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ เป็นหัวใจสำคัญของการจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างดีที่สุด ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาไอเดียทางธุรกิจเหล่านี้ ต่างเคยถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง หากแต่ปัจจุบันเรื่องเช่นนี้ได้กลายเป็นตัวกำหนดผู้ชนะในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการมองว่าซอฟต์แวร์คือตัวแปรสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่นั่นเอง
โดรน
โดรนคืออะไร โดรน / UAV ในความเข้าใจหลาย ๆ คน หมายถึงเครื่องบินอัตโนมัติหรือที่ถูก บังคับโดยบุคคลที่อยู่ภาคพื้น ซึ่งปัจจุบันกลับเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างรวดเร็ว และแพร่หลายในประเทศไทย โดรนถือว่าเป็นอากาศยานชนิดหนึ่ง และได้รับคำจำกัดความตามประกาศกระทรวงคมนาคม พ.ศ.2558 เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาต และเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกว่า “อากาศยานที่ควบคุมโดยผู้ควบคุมการบินอยู่ภายนอกอากาศยานและใช้ระบบควบคุมอากาศยาน” โดยไม่รวมเครื่องบินเล็กที่ใช้เป็นเครื่องเล่นตามกฎกระทรวงกำหนดวัตถุซึ่งไม่เป็นอากาศยาน พ.ศ.2558
โดรนคืออะไร ?
Source: CriminalJusticeDegreeHub.com
การมาของโดรน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และไม่ใช่ของเล่น?

เพราะโดรนในยุคแรกๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในกิจการด้านการทหารเป็นหลัก ซึ่งสามารถสั่งโจมตี ปล่อยอาวุธ และด้วยคุณสมบัติโดดเด่นที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ด้วยต้นทุนที่ต่ำในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการบินสำรวจพื้นที่และเก็บข้อมูล อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้โดรนกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
และไม่ได้จำกัดแค่ด้านความมั่นคงเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบัน “โดรน” มีบทบาทต่อทุกภาคส่วนมากขึ้น และมีการนำโดรนไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย เช่น การถ่ายภาพ การสำรวจ การขนส่ง การเกษตร ด้านโปรดักชั่น และสนับสนุนภารกิจด้านการบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น และมีแนวโน้มการพัฒนาอย่างรวดเร็วในอนาคต ด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น และราคาที่ถูกลง ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในอนาคตทุกคนจะมีโดรนไว้ใช้งานในชีวิตประจำวัน
แต่หากใช้โดรนในทางที่ผิด ก็อาจส่งผลเสียตั้งแต่ระดับเล็กจนถึงระดับมหาศาลได้เช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากอุบัติเหตุโดรนชนเครื่องบิน ซึ่งตอนนี้พบว่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นแล้ว ทำให้ตัวเครื่องบินได้รับความเสียหายจากการชนโดรน และทำให้การบินต้องล่าช้าออกไป เสียค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงราคาแพง และที่สำคัญ หากชนแล้วได้รับความเสียหาย อาจเป็นอันตรายต่อนักบิน ผู้โดยสารบนเครื่องบินหลายสิบหลายร้อยชีวิต และผู้ที่อยู่บริเวณด้านล่างด้วย
อีกส่วนหนึ่งโดรนที่ใช้การเกษตรซึ่งใช้สารเคมีมาโรยตามพื้นที่เกษตร มันก็สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธฉีดสารอันตรายใส่ผู้อื่นได้เช่นกันและอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ทำให้ในไทยตอนนี้ยังไม่เปิดลงทะเบียนโดรนสำหรับการเกษตร หากจะใช้โดรนเพื่อใช้ทำเกษตร ก็ต้องส่งข้อมูลโดรน พร้อมแจ้งความประสงการใช้งานเกษตรที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย แล้วรอคำตอบว่าจะได้ใช้โดรนทำเกษตรได้หรือไม่

ดังนั้นการใช้โดรนในการบินต่างๆนี้ไม่ใช่การบินเล่นๆอีกต่อไป ขณะเดียวกันผู้บังคับโดรน ก็จะไม่ถูกเรียกว่านักเล่นโดรนอีก แต่ถือว่าเป็นนักบินโดรน ซึ่งต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับกฎการบินด้วย เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อนักบินบนเครื่องบิน และไม่ให้บินล้ำเป็นภัยต่อความมั่นคงทางอากาศ ที่ทางกองทัพฯ จะจัดการโดรนด้วยการใช้อุปกรณ์ Anti Drone
เพื่อเป็นการป้องกันการใช้โดรนในทางที่ผิด คอยกำกับดูแลการบินต่างๆในประเทศ และสามารถค้นหาโดรนได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ทาง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และ กสทช. จึงบังคับให้ผู้มีโดรน และ ผู้บังคับโดรนต้องขึ้นทะเบียนโดรนไว้ หลังมีประกาศที่เกี่ยวข้องกับโดรน ถึง 7 ฉบับด้วยกัน คือ
๑. ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกพ.ศ. ๒๕๕๘
๒. ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องแนวทางในการพิจารณาอนุญาตให้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกทำการบินในระยะเก้ากิโลเมตร (ห้าไมล์ทะเล) จากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราว พ.ศ.๒๕๖๑
๓. คำสั่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง การขึ้นทะเบียนเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้ในอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (Drone)
๔. ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินสำหรับใช้งานเป็นการทั่วไป (พ.ศ.2561)
๕. พระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓
๖. พระราชบัญญัติคุ้มครองความลับในราชการ พ.ศ. ๒๔๘๓
๗. พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา ๑๓๕/๑, ๒๒๙, ๒๓๒, ๓๖๒
โดยผู้ที่จะใช้โดรนในการทำการบิน ต้องขึ้นทะเบียนโดรนเกี่ยวกับการใช้คลื่นความถี่ ที่สำนักงาน กสทช.
และขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรน (นักบินโดรน) ที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย CAAT ซึ่งตอนนี้ได้เปิดเว็บไซต์ลงทะเบียนทางออนไลน์ได้แล้ว อย่างไรก็ตามก็ต้องมีหลักฐานสำคัญให้ครบและต้องมีประกันโดรนด้วย
และนอกเหนือจากกฎหมายแล้ว สิ่งสำคัญพื้นฐานที่ผู้ใช้โดรนควรศึกษาก่อนก็คือ ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบิน เพราะหากเราถือว่าโดรนคืออากาศยานประเภทหนึ่ง นั่นก็หมายความได้ว่าผู้ใช้โดรน ก็คือ “นักบิน” โดรน นั่นเอง ไม่ใช่นักเล่นโดรน และโดรนก็ไม่ใช่ของเล่นอีกต่อไป
เกี่ยวกับ
เว็ปไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา คอมพิวเตอร์สำหรับโลกอนาคต2